Category ข่าวกีฬา

เจา คันเซโล่ ดีลฟ้าผ่า

ดีลฟ้าผ่า !! “คันเซโล่” ถึงเยอรมนีเตรียมเปิดตัวซบ “บาเยิร์น"

เจา คันเซโล่ เดินทางถึงเยอรมนี เพื่อจัดแจงเปิดตัวย้ายซบ“บาเยิร์น” แบบยืมตัวพร้อมอ็อปชั่นซื้อขาดไว้ที่ 70 ล้านยูโร

เจา คันเซโล่แนวรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินทางถึงเยอรมนี แล้วเพื่อเข้ารับการ ตรวจร่างกาย ตระเตรียมย้ายซบ บาเยิร์น มิวนิค
ด้วยสัญญา ยืมตัวยาวจนกระทั่งจบฤดูกาล โดยสื่อคาดกันว่า ดีลนี้มีอ็อปชั่นซื้อขาดไว้ที่ 70 ล้านยูโร (61.6 ล้านปอนด์)

สำหรับแข้งวัย 28 ปีเคยเป็น ตัวหลักของ “เรือใบสีฟ้า” และก็มีส่วน สำคัญในความสำเร็จ ของสโมสร อย่างไรก็ตามช่วงหลัง
บทบาทลดลงแล้วก็ได้ออกสตาร์ท ไปเพียง 3 นัดนับตั้งแต่ ฟุตบอลลีก กลับมาแข่งต่อ ในเดือนธันวาคม

นอกนั้นยังมีกล่าวว่าตัวนักเตะมีปัญหากับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีมด้วย

แบบนี้ไม่น่าพลาด 2 ผู้รายงานข่าวดังโหม “คันเซโล” ย้ายจาก “แมนซิตี้” ซบ “บาเยิร์น”

ไม่น่าพลาด 2 นักข่าวดังโหม “เจา คันเซโล” ฟูลแบ็กสายลุย เลือดฝอยทอง จัดแจงย้ายจาก “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ไปซบ “บาเยิร์น มิวนิก” ยอดทีมแห่งเมืองเบียร์

วันที่ 30 ม.ค. 66 ไม่น่าพลาดแล้วแบบนี้ 2 ผู้รายงานข่าวดังโหม ฟาบริซิโอ โรมาโน รวมทั้ง เดวิด ออนสตรีน
2 ผู้สื่อข่าวดังของโลก ที่มีความน่าเชื่อมั่นสูง ออกมากล่าวว่า เจา คันเซโลฟูลแบ็กชาวโปรตุเกส
ตระเตรียมย้ายจาก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทีม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้ฝึกสอน ชาวสเปน ไปซบ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่ บุนเดสลีกา เยอรมนี

ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันว่า ยอดทีมจากคา อัลลิอันซ์ สเตเดียม ต้องการดึงตัว เจา คันเซโลไปทดแทน นุสซาอีร์ มาซราอุย ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งไว้รอตอบแทน แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ที่คาดว่าจะย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาล 2022-23 นี้ โดยมีปลายทางคือ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา สโมสรดังจาก ลาลีกา สเปน

รายงานล่าสุด กล่าวว่าเวลานี้การกล่าวคุยกัน ระหว่างทั้งสอง สโมสรใกล้ได้บทสรุป เพราะไปขั้นตอนสุดท้าย
ในการเจรจาแล้ว โดยหากว่าดีลลุล่วง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ก็จะให้นักเตะตรวจร่างกาย
รวมทั้งพร้อมที่จะเซ็นสัญญาถัดไป โดยพื้นฐานอาจเป็นดีลยืม ตัวหรืออาจเป็นดีล ที่ซื้อขาดถาวร

บาเยิร์น เจา คันเซโล่

เปิดประวัติ.! ชูเอา คันเซโล่ ฟูลแบ็กจอมบุกของ แมนฯ ซิตี้ รวมทั้ง โปรตุเกส

ทำความรู้จักประวัติของ ชูเอา คันเซโล่ฟูลแบ็กจอมบุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วก็ ทีมชาติโปรตุเกส ที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอดอย่างมากในเวลานี้
แล้วก็เป็นคนสำคัญ ที่ทั้งสโมสร และก็ทีมชาติ ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว

ประวัติ ชูเอา คันเซโล่ฟูลแบ็กจอมบุกของ แมนฯ ซิตี้ แล้วก็ โปรตุเกส

ตลอดช่วงหลายปี ที่ผ่านมานั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่ ประสบความสำเร็จ อย่างมาก ซึ่งสาเหตุสำคัญ มาจากการที่พวก เขามีตัวเลือกชั้นเลิศหลายราย แล้วก็ ชูเอา คันเซโล่ดาวเตะชาวโปรตุกีสก็เป็น หนึ่งในนั้นเช่นกัน

ข้อมูลส่วนตัว ชูเอา คันเซโล่
ชื่อจริง : ชูเอา คันเซโล่ ( Joao Pedro Cavaco Cancelo )
เกิด : 27 พฤษภาคม 1994 เมืองบาร์เรยโร่ ประเทศโปรตุเกส
อายุ : 28 ปี
ส่วนสูง : 182 เซนติเมตร
ตำแหน่ง : ฟูลแบ็ก, วิงแบ็ก

เส้นทางลูกหนัง
คันเซโล่เริ่มเส้นทางลูกหนังด้วยการเล่นให้ บาร์เรยเรนเซ่ สโมสรในย่านท้องถิ่น ซึ่งสุดท้ายฝีเท้าของเขาไปเข้าตาแมวดูของ เบนฟิก้า
ทีมดังของประเทศ กระทั่งทำให้เขา ได้เข้าสู่อะคาเดมี่ตอนปี 2007 ด้วยวัย 13 ปี

หลังจากฝึกฝีเท้ากับ เบนฟิก้า อยู่พักหนึ่ง คันเซโล่ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2012 โดยเป็นเกมอุ่นเครื่องกับ ชิล วิเซนเต้
ซึ่งเขาได้ลงเล่นเต็มเกม แต่หลังจากนั้นเขาต้องวนเวียน สั่งสมประสบการณ์ กับทีมสำรองของ เบนฟิก้า ต่อ

กระทั่งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2014 คันเซโล่ได้ลงเล่นเกม แบบเป็นทางการให้กับ เบนฟิก้า เป็นครั้งแรก โดยถูกเปลี่ยน ลงสนามในช่วงท้ายเกม ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน
ที่คู่แข่งใน วันนั้นก็คือ ชิล วิเซนเต้ เหมือนกัน โดยเกมนั้น เบนฟิก้า ชนะไป 1-0

ช่วงสิงหาคม 2014 บาเลนเซีย ยื่นข้อเสนอยืม คันเซโล่ไปร่วมกองทัพ พร้อมมีอ็อปชั่นซื้อขาดที่ 15 ล้านยูโร โดยเขาได้ประเดิมสนามกับทีมในเกมลา ลีกา
เมื่อวันที่ 25 กันยายน โดยเขาได้ลงเล่นแบบ เต็มเกมช่วยให้ทีมชนะ กอร์โดบา 3-0 แล้วก็สุดท้ายใน ฤดูกาล 2014-15 บาเลนเซีย ได้อันอับ 4
ในลีกกระทั่ง ได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งนั่นทำให้ บาเลนเซีย ใช้อ็อปชั่นซื้อขาด กานเซโล่ ไปด้วย หากว่าซีซั่น
นั้น กานเซโล่ จะได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 13 นัดจากทุกรายการก็ตาม

ฤดูกาล 2015-16 คันเซโล่กลายเป็นตัวหลัก ของทีมอย่างสุดกำลัง โดยเขาได้ลงเล่นไป 39 นัดจาก ทุกรายการ พร้อมกับทำได้ 3 ประตู
ขณะที่ซีซั่นต่อ มาเขายังรักษาตำแหน่ง ตัวจริงได้จนถึงลงเล่นไปถึง 38 เกมจากทุกรายการ

ดีลฟ้าผ่า บาเยิร์น

ผลงานทีมชาติ

คันเซโล่เล่นให้กับทีมเยาวชนของ โปรตุเกส หลายรุ่น โดยช่วงที่ผลงานเด่นที่สุดคงจะหนี ไม่พ้นชุดรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ที่เขากับทีมไปถึงนัดชิงแชมป์ของศึก ยูโร ปี 2015 ได้
ก่อนที่จะแพ้ ประเทศสวีเดน ในช่วงดวลจุดโทษ

ส่วนกับทีมชาติชุดใหญ่นั้น คันเซโล่ถูกเรียกติดทีม ครั้งแรกเมื่อช่วง ปลายเดือนสิงหาคม 2016 และได้ลงเล่นครบ 90 นาที
ในเกม เตรียมพร้อมที่ชนะ ยิบรอลตาร์ 5-0 เมื่อวันที่ 1 กันยายนของปีเดียวกัน โดยเขาเป็นคนทำลูกที่ 3 ให้กับทีมในวันนั้นด้วย

กุน ขแมร์ กีฬาพื้นบ้าน

ดราม่า "กุน ขแมร์" ย้อนดูกีฬาพื้นบ้านที่ถูกบรรจุในซีเกมส์ จนเป็นเรื่องปกติ

กลายเป็นดราม่า มวย ที่เจ้าภาพจะเปลี่ยนชื่อเป็น “กุน ขแมร์” ในซีเกมส์ 2023 ซึ่งที่จริงแล้วกีฬาชนิดนี้ คือกีฬาพื้นบ้านที่เจ้าของงานนั้นหวังจะกอบโกยเหรียญทองเพื่ออันดับที่ดีที่สุด

จากกรณีที่ กัมพูชา ผู้จัดงานจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ระหว่างวันที่ 4-17 เดือนพฤษภาคม จะมีการจัดแข่งขันมวย ที่จะใช้ชื่อว่า “กุน ขแมร์” กีฬาที่มีต้นกำเนิดมาจากศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของประเทศภายใต้องค์กรที่ตั้งเองที่มีชื่อว่า สหพันธ์กุน ขแมร์นานาชาติ

เพื่อดูแลการแข่งขันซีเกมส์โดยเฉพาะ ซึ่งทางด้านสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อิฟม่า) ชี้ว่าองค์กรและกีฬาชนิดนี้ของกัมพูชา ไม่ได้เป็นกีฬาที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) และสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ)

ทำให้ไทยไม่สามารถส่งแข่งขันได้ เนื่องจากผิดระเบียบการแข่งขัน ไทยก็เลยตัดสินใจไม่ส่งนักมวยไปแข่งขัน

กลายเป็นดราม่า มวย กุน ขแมร์

ไม่เพียงแต่การที่จะเปลี่ยนชื่อ การจัดแข่งขันมวยที่จะใช้ชื่อว่า “กุน ขแมร์”

แต่หากลงเนื้อหา ในการเป็นเจ้าภาพ เป็นเรื่องปกติที่ชาติเจ้าภาพพร้อมใส่กีฬาพื้นบ้าน เพื่อโอกาสที่จะได้โกยเหรียญรางวัลให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งบางครั้งอาจมีผลต่อการครองเจ้าเหรียญทอง ซึ่งซีเกมส์ของกัมพูชา นั้นยังได้มีการบรรจุ คุน ละบ๊อกกาตาว (Lbokkator หรือ Bokator)

รวมทั้ง “กุน ขแมร์” (มวยเขมร) KUN KHMER ที่เป็นกีฬาพื้นบ้านของอยู่ในการประกวดเหรียญทอง ยังไม่นับรวมกีฬา หมากรุกเขมร หรือ ศิลปะการต่อสู้เกาหลี ซึ่งในซีเกมส์ครั้งนี้ยังถือว่ามีการแข่งขันเหรีญมากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 608 เหรียญทอง จาก 40 ชนิดกีฬาด้วยกัน

คุน ละบ๊อกกาตาว (Lbokkator หรือ Bokator) ที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่น มีความหมายว่า “ทุบสิงโต” เป็นมวยเขมร รุ่นเฉพาะที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีลักษณะการต่อสู้ แบบตัวต่อตัว พร้อมกับการใช้อาวุธอย่างหนัก ศอกและก็เข่า การเตะหน้าแข้ง และก็การต่อสู้บนพื้นที่ หลากหลาย และก็จะมีสีรอบเอวเพื่อแสดงถึงระดับของพวกเขา

ชั้นแรกเป็นสีขาว และก็ตามด้วยสีเขียว น้ำเงิน แดง น้ำตาล รวมทั้งสุดท้ายเป็นสีดำ นอกเหนือจากนี้ ยังมีการสวมสาย ที่เป็นผ้าไหม รอบศีรษะ ศิลปะชนิดนี้ ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม หรือ มรดกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ไปเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2022

ขณะที่กุน ขแมร์ (มวยเขมร) KUN KHMER หรือชื่อที่เรียก อย่างเป็นทางการ Kbach Kun Pradal Khmer ที่แสดงว่า “การต่อสู้อย่างอิสระ” มีลักษณะคล้าย กับยูโด แต่ไม่ใช่คาราเต้ เป็นรูปแบบคิกบ็อกซิ่งที่สืบเชื้อสาย มาจากเทคนิคการต่อ สู้ของเขมรในยุคแรก การต่อสู้มีเป้าหมายคือ ทำให้คู่ต่อสู้ น็อค ทางเทคนิคหรือชนะ การแข่งขันด้วยคะแนน แล้วก็ชอบใช้ศอกในการน็อกมากที่สุด

กุน ขแมร์

ย้อนไปใน การแข่งขันซีเกมส์ 2021 หรือครั้งที่ 31 ซึ่งเวียดนามเป็นเจ้าภาพ

ก็ได้มีการบรรจุกีฬาพื้นบ้านที่ ธรรมนูญซีเกมส์ ซึ่งกำหนดโดยสหพันธ์ กีฬาซีเกมส์ ได้ให้ประเทศผู้จัดงานจัดแข่งได้ 8-12 ชนิดกีฬา นั่นก็คือ โววีนัม,ฟินสวิมมิ่ง, หมากรุก,หมากรุกจีน แล้วก็ มวยปล้ำ

ไม่เพียงแค่ แต่ 2 ชาติที่กล่าวมา ย้อนไปในปี กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 14 หรือในปี 2007 อินโดนีเซีย ได้นำ “ปันจักสีลัต” หรือ ศิลปะการป้องกันตัวที่คนเชื้อสายมาลายู ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านชนิดแรก ๆ เข้ามาให้แข่งขันรวมทั้งเผยแพร่ให้ชาติอาเซียน ได้ชิงชัยกัน

ด้าน ฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 23 รวมทั้ง 30 ก็ได้นำศิลปะการ ต่อสู้ประจำชาติ อย่าง อาร์นิส ที่่เป็นการต่อสู้แล้วก็การป้องกันตัวโดยการใช้อาวุธประเภทต่าง ๆ อาทิ มีดสั้น, ขอนไม้ แล้วก็ดาบ เข้ามาต่อสู้เหรียญทอง

หรือถึงแม้แต่ เมียนมา ที่เป็นเจ้าภาพในครั้งล่าสุดในปี 2013 ก็ได้นำ ชินลง หรือ ที่คล้าย ตะกร้อวงในบ้านพวกเรา แต่เป็นลีลาสไตล์เมียนมา เข้ามาใส่ในการแข่งขัน

ขณะที่ประเทศไทย อย่างพวกเรา ที่ผ่านมา ถ้าได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพ กีฬามวยไทย ก็จัดว่าอยู่ในข่าย ที่จะถูกนำมาบรรจุเพื่อโกยเหรียญทองในการไปสู่เป้าหมายด้วยเหมือนกัน

ลิเวอร์พูล

แข้งใหม่ ลิเวอร์พูล? เอเยนต์ กราเฟนแบร์ก โผล่ดูเกมที่ แอนฟิลด์

แฟนบอล ลิเวอร์พูล ลุ้นระทึกกันแล้วหลังจากเอเยนต์ของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก มิดฟิลด์ทีม บาเยิร์น มิวนิค โพสต์ให้มีความเห็นว่า เดินทางมาดูเกมที่ แอนฟิลด์ จนกระทั่งก่อให้เกิดกระแสข่าวสาร หงส์แดง ส่อยืมดาวเตะทีม เสือใต้ มาร่วมกองทัพในเดือนนี้

ลิเวอร์พูลมีผลงานไม่สู้ดีในซีซั่น 2022/23 แล้วก็ส่งผลให้ผู้จัดการทีมฟุตบอล เจอร์เก้น คล็อปป์ เปิดอกโดยตลอดว่า กระหายเสริมทีมเพราะเหตุว่า มีนักเตะล้มเจ็บหลายราย แต่ขณะเดียวกันนายใหญ่ด๊อยทช์ เชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าไม่คงจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ครอบครองสโมสร

ดังนี้ ในช่วงซัมเมอร์ หงส์แดง คว้านักเตะใหม่มาร่วมชายคา

สามรายอีกทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ 65 ล้านปอนด์ , คัลวิน แรมซีย์ 4 ล้านปอนด์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ 5 ล้านปอนด์ ก่อนดึง โคกี้ กัคโป มาเพิ่มอีกรายในเดือนม.ค. 37 ล้านปอนด์

กระนั้นก็ดีแล้ว คล็อปป์ แสดงท่าต้องการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่อีกเหตุเพราะผลงานของทีมยังไม่มี วี่แววว่าจะกระเตื้องขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม กระทั่งล่าสุด มีประเด็นให้กองเชียร์ เดอะ ค็อป ได้เกาะติดสถานการณ์ เข้าให้แล้วเพราะว่า ราฟาเอล่า ปิเมนต้า เอเยนต์สาวของ กราเฟนแบร์ก โพสต์รูปลงไอจีขณะเข้าดูเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซึ่ง ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเสมอกับ เชลซี 0-0

เอเยนต์ กราเฟนแบร์ก

ต่อกรณีดังกล่าว ทำให้มีการทึกทัก กันว่าเธออาจบินมาที่อังกฤษเพื่อเจรจาย้ายทีมให้ กราเฟนแบร์ก ก็เป็นได้เพราะเหตุว่าอดีตกองกลางทีม อาแจ็กซ์ ซึ่งย้ายมาค้าแข้งกับ บาเยิร์น เมื่อช่วงซัมเมอร์ได้ลงเล่นให้กับ เสือใต้ ในซีซั่นนี้เฉลี่ยเพียงแค่นัดละ 30 นาทีเท่านั้น

ขณะเดียวกัน คาดว่าแชมป์ บุนเดสลีกา ยินดีปล่อยดาวเตะวัย 20 ปีให้ย้ายสโมสรแบบยืมตัวด้วย จึงเป็นการจุดประเด็น ข่าวลือเสริมทัพอีกหนของ เครื่องจักรสีแดง ทีมอันดับเก้าของตาราง พรีเมียร์ลีก ซึ่งถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับสี่ทำสกอร์หนีไปไกล 10 แต้มแล้วต่อการพยายามคว้าโควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นนี้ของถิ่น แอนฟิลด์

กระนั้นก็ดี นอกจาก กราเฟนแบร์ก แล้ว ปิเมนต้า เป็นเอเยนต์ของ ดันเซล ดุมฟรีส์ กองหลัง อินเตอร์ มิลาน ที่โดนลือกับ เชลซี ด้วย

ด้าน ฟลอเรียน เพล็ตเท่นแบร์ก นักข่าวของ สกาย เยอรมัน ได้ทวีตถึงกรณีของ กราเฟนแบร์ก กับลิเวอร์พูล ว่าไม่เป็นความจริง

‘กราเฟนแบร์ก’ ขอแย่งตัวจริง ‘เสือใต้’ ไม่มา ลิเวอร์พูล ม.ค.

สกาย เยอรมัน ไม่ปล่อยให้เหล่า เดอะ ค็อป ได้มโนไปไกล เมื่อไม่สนใจข่าว ไรอัน กราเฟนแบร์ก จัดแจงย้ายซบ ลิเวอร์พูลแบบยืมตัวเดือนมกราคม หลังจากเอเย่นต์มาดูเกมที่สนาม ยันนักเตะยังต้องการลงเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค
ฟลอเรียน เพล็ตเท่นแบร์ก ผู้สื่อข่าวดังของ สกาย เยอรมัน ยืนยันว่า บาเยิร์น มิวนิค ทีมในศึกบุนเดสลีกา ไม่มีแผนการจะปล่อยตัว ไรอัน กราเฟนแบร์ก มิดฟิลด์ชาวฮอลันดา ไปให้กับ ลิเวอร์พูลสโมสรจากเกาะอังกฤษ ยืมตัวไปใช้งานในช่วงเดือนมกราคมนี้ ตามข่าวโคมลอยที่มีออกมา ในขณะที่ตัวนักเตะเองก็ตัดสินใจอยู่แย่งชิงตำแหน่งตัวจริงในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

กราเฟนแบร์ก

ดาวเตะวัย 20 ปี ย้ายจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทัพ เสือใต้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียงแต่สองนัดเท่านั้น สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก จนถึงล่าสุด มีกล่าวว่า ราฟาเอล่า ปิเมนต้า เอเยนต์สาวของ กองกลางดาวรุ่ง ได้โพสต์รูปลงไอจี ขณะเข้ามาดูเกมที่ เร้ด แมชชีน เปิดบ้านเสมอกับ 0-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา

ทำให้เหล่าสาวก เดอะ ค็อป คาดว่า อาจจะบินมาพูดจากับ หงส์แดง เรื่องการย้ายมาเล่นแบบยืมตัว ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ ประกอบกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ก็ต้องการหาผู้เล่นในแดนกลางเข้ามาเสริมทัพเพื่อพลิกวิกฤตฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ให้กลับมาดีอย่างเดิม แต่ติดปัญหาเรื่องของงบประมาณ การยืมตัวจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม เหยี่ยวข่าวในลีกเมืองเบียร์ ออกมาดับกระแสข่าวดังกล่าวแล้ว โดยบอกว่า ” กราเฟนแบร์ก ตัดสินใจแล้ว รวมทั้งไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องการอยู่ที่ บาเยิร์น มิวนิค ต่อไป ไม่มีการย้ายทีมในเดือนมกราคม สโมสรเองยังคงเชื่อมั่นในตัวเขาอยู่ ข่าวการให้ ลิเวอร์พูล ยืมตัวหรือย้ายไปสโมสรอื่นไม่เป็นความจริง ”

ด้าน ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการกีฬาของทีมแห่งแคว้น บาวาเรีย กล่าวว่า ทางสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ยังคงเกื้อหนุนให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมชุดใหญ่ถัดไป แม้จะเริ่มในครึ่งซีซั่นแรกด้วยการลงสนามได้ไม่มากนัก แต่เขาหวังว่านักเตะจะได้มีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

แมนยู

ไม่ต้องคิดนาน!สื่อยักษ์ยันแล้ว แมนยู เซ็น รอยส์ มั้ย?

เดลี่ เมล สื่อใหญ่ของอังกฤษระบุ แมนยู ใช้เวลาคิดได้ไม่ยากว่าจะเซ็นสัญญากับ มาร์โก รอยส์ สตาร์ทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หรือไม่หลังเจ้าตัวจ่อย้ายทีมแบบๆฟรีๆในช่วงซัมเมอร์
รอยส์ วัย 33 ปีกำลังจะหมดสัญญากับ เสือเหลือง หลังจบซีซั่นนี้โดยต้นสังกัดของเขาแสดงท่าไม่คิดต่อสัญญาใหม่ซึ่งทำให้เอเยนต์ของนักเตะเริ่มมองหาสโมสรใหม่ให้กับกองกลางจอมเก๋าแล้ว

นอกจากจะตกเป็นข่าวลือกับ อัล นาสเซอร์ สโมสรของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้ว รอยส์ ก็ถูกโยงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกันเนื่องมาจากเอเยนต์ของเขาเดินทางมาดูเกมที่ ผีแดง เปิดบ้านคว่ำ แมนฯ ซิตี้ 2-1 เมื่อไม่นานมานี้

และก็ได้คุยกับ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวฮอลันดาด้วยกระทั่งทำให้เช้าใจกันว่าทีมลูกหนังแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด สนใจดึงเขามาร่วมทีมในเดือนม.ค.นี้เลยเพื่อเพิ่มโอกาสคว้าความสำเร็จให้กับสโมสรหลังจากยืมตัว เวาท์ เว็กฮอร์สต์ กองหน้าทีมชาติ ฮอลแลนด์ มาร่วมชายคาก่อนแล้ว

ต่อกรณีของ รอยส์ ล่าสุดเมื่อ 22 ม.ค. เดลี่ เมล เปิดเผยว่า เทน ฮาก ไม่มีความคิดดึงตัว รอยส์ มาร่วมทีมเหตุเพราะตัวนักฟุตบอลมีค่าแรงสูงถึงอาทิตย์ละ 200,000 ปอนด์ (ราว 8.2 ล้านบาท) รวมทั้งที่สำคัญที่สุด เขามีปัญหาล้มเจ็บบ่อยในระยะหลังซึ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ต้องการก้าวเดินผิดพลาดซ้ำอีกเหมือนที่เคยเซ็นสัญญากับ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ช่วงซัมเมอร์ปี 2007 ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนที่ดาวเตะอิงลิชจะย้ายไปร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ ในอีกสามปีต่อมา

เว้นแต่ ฮาร์กรีฟส์ แล้ว บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ ก็เป็นอีกกรณีที่ ผีแดง ยอมรับว่าตัดสินใจพลาดคว้าเขามาร่วมกองทัพในปี 2015 สมัยที่ หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียน แล้วก็ปรากฏว่าดาวเตะชาวเมืองไส้กรอกล้มเจ็บถี่มากกระทั่งถูก โชเซ่ มูรินโญ่ โละทิ้งในเวลา 18 เดือน

มาร์โก รอยส์

ไม่ใช่เล่นๆแล้ว “รอยส์” ส่อย้ายซบ แมนยู เผย 3 สัญญาณอาจโยกลุยพรีเมียร์ลีก

“ไม่ใช่แค่ลือ?” เปิดเผย 3 สัญญาณ มาร์โก รอยส์ อาจย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ ในบุนเดสลีกา มาค้าแข้งกับ แมนยูฯ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันที่ 20 มกราคม 2566 เดลี เมล สื่อดังเมืองผู้ดีรายงานว่า มาร์โก รอยส์ แนวรุกทีมชาติเยอรมนี วัย 33 ปี อาจย้ายมาร่วมงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในซีซั่นหน้า หลังหมดสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน หลังจบฤดูกาลนี้

แหล่งข่าวกล่าวว่า เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนยูฯ ได้มีการนัดพบแบบลับๆกับ เดียร์ค เฮเบิล และ ดาร์เรน ฟรีแมน 2 เอเย่นต์ส่วนตัวของ มาร์โก รอยส์ ซึ่งทั้งคู่ก็โพสต์โซเชียลมีเดียว่าได้เดินทางมาชมเกมพรีเมียร์ลีก

นัดล่าสุดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด สนามเหย้าของ “ปิศาจแดง” ซึ่งเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคมที่ผ่านมาด้วย

แมนยู อัล นาสเซอร์

นอกจากนั้น รอยส์ ก็ยืนยันว่าเขาพร้อมพิจารณาทางเลือกอื่นๆ

หลังหมดสัญญากับ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งสามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว โดยก่อนหน้านี้ก็มีข่าวสารเชื่อมโยงกับ อัล นาสเซอร์ สโมสรเงินหนาแห่งซาอุดีอาระเบียที่เพิ่งคว้าตัว คริสเตียโน โรนัลโด ไปร่วมงาน หลังจากยอดดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสตกลงยกเลิกสัญญากับ แมนยูฯ

ขณะที่ เทน ฮาก ก็กำลังหาทางเสริมทัพภายใต้นโยบาย รัดเข็มขัดหลังจาก แมนยูฯ ประกาศขายสโมสร ซึ่งการคว้าตัว รอยส์ ไม่ต้องจ่ายค่าตัวแต่อย่างใด เหลือแค่การสนทนาเรื่องค่าเหนื่อยที่เจ้าตัวเคยรับกับ ดอร์ทมุนด์ อาทิตย์ละ 200,000 ปอนด์ (8.2 ล้านบาท) ซึ่งยังไม่นับว่าเกินเพดานสูงสุด ตามกฎใหม่ที่สโมสรตั้งเอาไว้ 300,000 ปอนด์ (12.3 ล้านบาท)

หงส์แดง ฟีร์มิโน่

หงส์แดง เตรียมยื่นสัญญาฉบับใหม่เพื่อรั้ง “ฟีร์มิโน่”

สื่อรายงาน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ให้ความสำคัญกับการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ “โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่”

นับตั้งแต่ย้าย จากฮอฟเฟ่นไฮม์ ทีมในศึกบุนเดสลีกาเยอรมัน มาร่วมกองทัพ หงส์แดง เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2015 ฟีร์มิโน่ ก็เป็นส่วนสำคัญที่พาลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จ ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ มาโดยตลอดเวลา ที่อยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ แข้งบราซิลเลียนรายนี้คว้าแชมป์มาแล้ว 7 รายการ รวมแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วก็ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอย่างละถ้วย พร้อมสถิติการลงเล่น 348 นัดทุกรายการ ยิง 107 ประตู แอสซิสต์ 78 ครั้ง

แต่ฟอร์มของลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาลนี้ค่อนข้างย่ำแย่ เนื่องมาจากต้องดิ้นรนไม่ให้ตกไปอยู่โซนกลางตาราง ทั้งฟอร์มของ ฟีร์มิโน่ก็ไม่เด่นเท่าไหร่นัก

หัวหอกวัย 31 ปีรายนี้ลงสนามไป 21 นัด ยิงไป 9 ประตู ทำไปอีก 4 แอสซิสต์ แล้วก็หลังจากพักเบรก ฟุตบอลโลกกาตาร์ 2022 ก็ไม่ได้ลงเล่นอีกเลยเพราะอาการบาดเจ็บ

ฟลอเรียน เพลทเทนเบิร์ก เหยี่ยวข่าวของสกายสปอร์ต เยอรมนี แถลงการณ์ว่า ถึงแม้ฟีร์มิโน่ใกล้จะหมดสัญญา กับทางลิเวอร์พูล แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ในอนาคตของคล็อปป์ รวมทั้งยังอยากเล่นในระดับสูงสุด ต่อไปแม้ว่าจะมีข่าวสารกับทีมจากซาอุฯ ก็ตาม โดยคาดว่าจะได้รับการขยายสัญญาออกไปถึงปี 2025

ฟีร์มิโน่ ลิเวอร์พูล

ถึงแม้ลิเวอร์พูล ต้องการจะเก็บฟีร์มิโน่ไว้ แต่ทางสโมสรก็ยังไม่ต่อสัญญา กับแข้งรายอื่น ๆ อย่างนาบี เกอิต้า อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และเจมส์ มิลเนอร์ รองกัปตันทีม ที่สัญญากำลัง จะหมดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ทำให้การต่อสัญญา ของฟีร์มิโน่ดูไม่แน่นอน แถมคล็อปป์ยังบอกหลังเกมเอฟเอ คัพ ในเกมเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ว่าจะไม่ซื้อนักฟุตบอลเพิ่มในตลาดหน้าหนาวนี้แล้ว

ชัยเหนือทีมหมาป่า ทำให้ลิเวอร์พูลต้อง กลับมาฟาดแข้งกับ ไบรท์ตัน อีกรอบในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 ในวันอาทิตย์ที่ 29 นี้ หลังแพ้ไบรท์ตันหมดรูป 3-0 แต่ หงส์แดง จะจุดโฟกัสเกมดวล “สิงห์บลูส์” เชลซีในวันเสาร์นี้ (21 ม.ค.) มากกว่า เพราะเป็นการเอาตัวรอด จากโซนกลางตารางพรีเมียร์ลีก ซึ่งทั้งสองทีมมี 28 คะแนนเท่ากัน แต่ลิเวอร์พูลแข่งน้อยกว่า 1 นัด

คล็อปป์ลั่นการมา ของคักโป ไม่กระทบสัญญาใหม่ฟีร์มิโน

ผู้จัดการทีมหงส์แดง ชี้ว่าการมาของแนวรุก ชาวดัตช์ไม่กระทบสัญญาใหม่กองหน้าชาวบราซิเลียน

เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ปรึกษา ลิเวอร์พูล ยืนยันว่าการย้ายมา ร่วมทีมของ โกดี้ คักโป จะไม่กระทบการเจรจาสัญญาใหม่กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน

ทัพหงส์แดง ทำเซอร์ไพรส์ ประกาศคว้าแนวรุกทีมชาติ เนเธอร์แลนด์จาก พีเอสวี มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเบ็ดเสร็จ 44 ล้านปอนด์ พร้อมสวมหมายเลข 18 ลงสนาม

การมาของ คักโป ทำให้มีข่าวว่า ฟีร์มิโน ที่จะหมดสัญญากับทีมหลัง จบฤดูกาลนี้ พิจารณาไม่ต่อสัญญาใหม่ แต่ทว่า คล็อปป์ ยังคงยืนยันว่าดาวเตะวัย 31 ปียังเป็นหัวใจสำคัญในแผนการทำทีมของเขา

“ไม่ ไม่เลย ไม่ใช่จากผม แน่นอนว่าไม่มีทาง เราได้คุยกับบ็อบบี้ รวมทั้งผมบอกได้เลยว่าจากมุมมองของผม ผมต้องการเขา แน่นอน ต้องการที่จะให้เขาอยู่ต่อ เรื่องนี้ไม่ได้กระทบเลย ถ้าเกิดคุณหมายถึงผลกระทบที่ทำให้ บ็อบบี้ อาจต้องย้ายทีม คุณต้องไปถามบ็อบบี้เรื่องนั้น แต่จากผมแล้ว ไม่เลย”

ลิเวอร์พูลต่อสัญญาโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

หงส์แดง จ่อขายหุ้นมากกว่าเทคโอเวอร์ทีม

เจ้าของทีมลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะขายหุ้น บางส่วนของสโมสรออกไป มากกว่าการปล่อยให้มีการเทคโอเวอร์

ดิ แอธเลติก สื่อน่าเชื่อถือได้ของอังกฤษ รายงานว่า เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) เจ้าของทีมลิเวอร์พูล มีแนวโน้มขายหุ้น ส่วนน้อยของสโมสรออกไป มากกว่าการปล่อยให้เข้ามามีการเทคโอเวอร์ทั้งหมด

ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เอฟเอสจี พยายามมองหากลุ่มทุนใหม่ พร้อมเปิดรับข้อเสนอต่าง ๆ โดยมี โกลด์แมน แซคส์ รวมทั้งมอร์แกน สแตนลี่ย์ สถาบันการเงิน จากสหรัฐอเมริกา เป็นผู้แทนดำเนินการ

แต่จนถึงเวลานี้ กลุ่มทุนจากสหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาซื้อทีมตั้งแต่ปี 2010 ด้วยราคา 300 ล้านปอนด์ ยังไม่ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ ทำให้โอกาสที่ทีมจะขายทีมออกไปทั้งหมด นั้นเป็นไปได้น้อยกว่าการที่จะปล่อยหุ้น บางส่วนออกไป แต่แต่จนถึงปัจจุบันก็จะยังไม่มีอะไรคืบหน้าหรือเกิดขึ้น

เดี๋ยวนี้จากการที่ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จมากกว่า ทำให้ทีมมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านปอนด์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ต้องฉลาดเหมือนลิเวอร์พูล! คันโตน่า ให้เหตุผลที่แมนยูชวดแข้งระดับโลก

เอริก คันโตน่า ตำนานกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชี้เหตุผลที่กองทัพ “ปีศาจแดง” ไม่สามารถดึงนักเตะระดับนานาชาติมาร่วมทีมเพราะเหตุว่าพวกเขา ไม่สามารถการันตี ความสำเร็จ พร้อมแนะให้ดู ลิเวอร์พูล ที่ปั้นผู้เล่นปกติให้ กลายเป็นแข้งชั้นเยี่ยม

ช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุม บังเหียนของกุนซือเอริค เทน ฮาก มีการเสริมทัพพอควรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่นักฟุตบอลจำนวนมากยังไม่ค่อย ได้รับการยกย่อง ว่าอยู่ในแถวหน้า ของวงการลูกหนัง

ขณะที่ในช่วงตลาด พ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคม เทน ฮาก พยายามจะดึงนักเตะใหม่ มาเสริมแกร่งเพื่อ ทำให้ทีมมีขุมกำลัง ในเชิงลึกมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถคว้า ผู้เล่นที่ต้องการได้ โดยล่าสุดก็มีแค่เพียง เว้าท์ เวกฮอร์สต์ ดาวยิงชาวดัตช์ ที่กำลังจะย้ายมา เล่นแบบยืมตัว ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เท่านั้น

คันโตน่า ยอมรับว่าตนไม่รู้จัก เวกฮอร์สต์ หรือเรื่องที่แข้ง ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ รายนี้จะย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูฯ “ในช่วงที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม ถ้าเกิดคุณต้องการได้ นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก เขาจะรีบมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะพวกเขาสามารถ คว้าแชมป์ในอังกฤษ ได้อย่างต่อเนื่อง และก็ในยุโรปด้วย”

ปีศาจแดง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในโลก

รวมทั้งพวกเขามีเงิน ที่จะซื้อนักฟุตบอลแบบไหนก็ได้ ตอนนี้มัน แตกต่างออกไป เพราะว่านักฟุตบอลที่เก่ง ๆ ต้องการไปเล่น กับทีมที่สามารถคว้าแชมป์ ได้ตลอด

“ยูไนเต็ด ไม่ได้อยู่ในสถานะ ที่จะสามารถเลือกนักฟุตบอลที่เก่ง ๆ ได้ เนื่องจากว่านักเตะเก่ง ๆ ไม่ต้องการย้ายมาเล่นกับ ยูไนเต็ด ดังนั้น คุณต้องเฉลี่ยวฉลาด ฉลาดหลักแหลมเสมือนลิเวอร์พูล พวกเขาดึงตัว (ซาดิโอ) มาเน่ กับ (โมฮาเหม็ด) ซาลาห์ มาร่วมทีม ทั้งสองคนไม่ใช่ นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก”

“แต่การที่ได้อยู่กับทีมชั้นเยี่ยม รวมทั้งบรรยากาศ ที่ดีเยี่ยม เมื่อนำมารวมกัน ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ ได้มากมาย และจากนั้น มาเน่ กับ ซาลาห์ การกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก นั่นคือตัวอย่างที่บรรเจิดสำหรับ ยูไนเต็ด” คันโตน่า เจาะจง

“แมนยูฯ” มาแรง ผงาดเต็งแชมป์ลีกคัพ แถมมีลุ้น ชูถ้วยอีก 3 รายการใหญ่

วันที่ 13 ม.ค. 66 ความเคลื่อนไหวการ แข่งขันฟุตบอล ลีก คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 ที่ได้ 4 ทีมตบเท้าผ่าน เข้าสู่รอบรองชนะเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นอตติงแฮม ฟอเรสต์, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แล้วก็ เซาแธมป์ตัน

ล่าสุด วิลเลียม ฮิลล์ บริษัทรับพนัน ถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ ออกราคาทีมเต็งที่จะได้แชมป์ ลีก คัพ ประจำฤดูกาลนี้ ซึ่งปรากฏว่าเต็ง 1 ได้แก่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีอัตราต่อรองอยู่ที่ 5/6 (แทง 6 จ่าย 5 ไม่รวมทุน) ส่วนเต็ง 2 ได้แก่ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 13/8 (แทง 8 จ่าย 13 ไม่รวมทุน)

นิวคาสเซิ่ล

อัตราต่อรองแชมป์ คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2022-23

  1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5/6
  2. นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 13/8
  3. เซาแธมป์ตัน 9/1
  4. นอตติงแฮม ฟอเรสต์ 10/1

ผลประกบคู่ ลีก คัพ รอบรองชนะเลิศ

– นอตติงแฮม ฟอเรสต์ (พรีเมียร์ลีก) เจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

– เซาแธมป์ตัน (พรีเมียร์ลีก) พบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)

ดังนี้ ในส่วนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่า กำลังทำผลงาน ได้อย่างเยี่ยมที่สุด จนกระทั่งทำให้ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ถึง 4 รายการ ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูโรปาลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ.

 แมนยู ควง นิวคาสเซิ่ล ทะลุรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก็ นิวคาสเซิ่ล ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ

ฟุตบอล คาราบาว คัพ หรือ ลีก คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือน ชาร์ลตัน ทีมจาก ลีก วัน เกมนี้เป็นทีมจากพรีเมียร์ลีก ที่เล่นได้เหนือกว่าชนะไปแบบขาดลอย 3-0 โดยได้ประตูจาก อันโตนี่ ในนาทีที่ 21 รวมทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ทำคนเดียว 2 ประตูในนาทีที่ 90 แล้วก็ 90+4 แล้วก็นับว่าเป็นการทำประตู 6 นัด ติดต่อกัน ของแนวรุก ทีมชาติอังกฤษ

อีกคู่ นิวคาสเซิ่ล ชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมเพื่อนร่วมลีกไป 2-0 โดยได้ประตูจาก แดน เบิร์น นาทีที่ 60 และ โชเอลินตอน นาทีที่ 72 ทำให้นิวคาสเซิ่ล ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะคาราบาว คัพเป็นหนแรกในรอบ 47 ปี

มหาวิทยาลัย เกษมบัณฑิต

ม.เกษมบัณฑิต เดินหน้า เคบียูสปอร์ต โพลหวังสร้างประโยชน์ พัฒนากีฬาไทย

มหาวิทยาลัย เกษมบัณฑิต เดินหน้าจัดการสำรวจ ความความเห็นประชาชนผ่าน KBU SPORT POLL เคบียูสปอร์ต โพล เพื่อหวังสร้างมุมดูที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากีฬาไทย
ดร.เสนีย์ สุวรรณดี รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เปิดเผยว่า ในโลกปัจจุบันทุกชาติตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการกีฬา มากขึ้นอย่างตลอดประกอบกับกีฬาสามารถ สร้างสุขภาพรวมทั้งสังคมที่ดีพร้อมกันไปด้วย นอกจากนั้นกีฬายังเป็นยุทธศาสตร์ สำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมภายใต้มูลค่าที่จับต้องได้

และก็จากความสำคัญดังกล่าวมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ในฐานะสถาบันอุดมศึกษา ที่มีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการ กีฬามาอย่างตลอด จึงจัดโครงการบริการทางวิชาการแก่สังคมด้วยการ จัดการสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่าน KBU SPORT POLL (เคบียู สปอร์ต โพล) ภายใต้การดำเนินการของศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์

ดร.เสนีย์ สุวรรณดี เผยอีกว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นหนึ่งในแผนงานที่ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต

ใส่ใจและก็ให้ความสำคัญกับการสำหรับ การส่งเสริมการพัฒนา การกีฬาของประเทศ ภายใต้แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 และก็ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สำหรับการสำรวจความนึกเห็นดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมรวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือแฟนกีฬาในการที่จะสะท้อนมุมมอง รวมทั้งเสนอแนะการพัฒนา และยกระดับการกีฬาของชาติตามประเด็นหรือหัวข้อที่กำหนด

ซึ่งจากการดำเนินการ ที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับจาก แฟนกีฬาเป็นอย่างมาก และจัดว่าโพลดังกล่าวเป็นหนึ่ง ในการสร้างสีสันรวมทั้งยกระดับการตื่นตัวให้กับสังคมกีฬาไทย ได้อย่างน่าสนใจยิ่ง แล้วก็เพื่อ ประโยชน์กับวงการกีฬาไทยมหาวิทยาลัยก็จะเดินหน้าผนึกพลังร่วมกับสังคมต่อไป

ดร.เสนีย์ กล่าวต่อไปว่า การสำรวจความนึกเห็นทางด้านการกีฬาผ่าน KBU SPORT POLL นั้นศูนย์นวัตกรรมการพัฒนา ทุนมนุษย์ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งจากการติดตามการสำรวจในแต่ละประเด็น ที่ระบุนั้นล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ ต่อวงการกีฬาในภาพรวมทั้งสิ้น รวมทั้งที่น่าสนใจ คือได้รับความร่วมมือจากกลุ่ม ตัวอย่างหรือประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วม ในแต่ละมิติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งผลหรือข้อมูล ที่ได้มั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อการแต่งตั้งและพัฒนาวงการกีฬาไทย ได้ในระดับหนึ่ง

ดร.เสนีย์ สุวรรณดี

ด้าน ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการ ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการสำรวจความความเห็นของ KBU SPORT POLLนั้นเพื่อให้ใส่คล้องกับ ปรากฎการณ์ของสังคม กีฬาในแต่ละห้วงเวลาและก็เกิดเป็นประโยชน์ สูงสุดต่อสังคมโดยรวม คณะทำงานก็จะพิจารณาระบุประเด็นหรือหัวข้อที่ถือว่าตอบปัญหาและก็กำลัง เป็นที่น่าสนใจของสังคมทั้งยังในมิติที่เกี่ยวกับ การพัฒนาหรือ การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับกีฬาไทยในภาพรวม

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ เผยอีกว่า การดำเนินการสำรวจของ KBU SPORT POLLนั้นในระยะแรก คณะทำงานและก็เครือข่ายจะลงภาคสนาม เพื่อเข้าพบกลุ่มตัวอย่างโดยตรงแต่ด้วยตอนนี้สังคม เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวการดำเนินการก็ง่ายรวมทั้งสะดวก สามารถดำเนินการได้อีกทั้งภาคสนามรวมทั้งสื่อออนไลน์ผสมผสานกันไป อย่างไรก็ตามเพื่อผลการสำรวจใน แต่ละประเด็นไม่สูญเปล่าสามารถนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาได้ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ก็จะสรุปสาระสำคัญต่าง ๆ เสนอไปยังหน่วยงานหรือผู้เกี่ยวข้องในวงการกีฬาเพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลสำหรับดำเนินการในมิติที่เกี่ยวข้องมาอย่างตลอดเหมือนกัน

เหนือสิ่งอื่นใด KBU SPORT POLL สำเร็จตามเป้าประสงค์และเดินมาถึงวันนี้ได้ นั้นในนามของมหาวิทยาลัย ต้องขอขอบคุณประชาชนหรือกลุ่มตัวอย่างที่กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งอีกหนึ่งภาคส่วนที่ถือได้ว่าพลังร่วมที่สำคัญยิ่งของความสำเร็จคือสื่อมวลชน ทุกแขนงที่มีส่วนร่วมกับการเผยแพร่ข่าวสารสารสู่สาธารณชนมาอย่างตลอดด้วยเหมือนกัน ผอ.ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ กล่าวทิ้งท้าย

“เคบียู สปอร์ตโพล” เผยผลที่เกิดขึ้นจากการสำรวจเชื่อ”ฟุตบอลทีมชาติไทย”มีลุ้นแชมป์ “ซีเกมส์”

ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนา ทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัย เกษมบัณฑิต KBU SPORT POLL (เคบียู สปอร์ตโพล)

ตรวจสอบความนึกเห็นเกี่ยวกับทีม”ฟุตบอลทีมชาติไทย” เรื่อง “ช้างศึกไทยกับโอกาสแล้วก็ความหวัง สำหรับการคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2021″ โดยได้ดำเนินการสำรวจผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค. โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจข่าวสารซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,369 คน (ชาย 803 คน คิดเป็นร้อยละ 58.66 หญิง 566 คน คิดเป็นปริมาณร้อยละ 41.34) ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ มีดังนี้

ความสนใจ ที่จะติดตามการแข่งขัน”ฟุตบอลทีมชาติไทย” กลุ่มตัวอย่างส่วนมาก ปริมาณร้อยละ 81.01 สนใจ, รองลงมาร้อยละ15.91 ยังไม่ตัดสินใจ แล้วก็ จำนวนร้อยละ 3.08 ไม่สนใจ , สื่อหรือช่องทางที่จะติดตามการแข่งขัน จำนวนมาก ปริมาณร้อยละ 36.55 เครือข่ายสังคม, รองลงมาจำนวนร้อยละ 34.19 วิทยุ-โทรทัศน์, ร้อยละ 18.97 หนังสือพิมพ์, จำนวนร้อยละ 8.11 วิทยุกระจายเสียง รวมทั้งอื่นๆปริมาณร้อยละ 2.18คำถามถึงโอกาส

และก็ความหวังกับการคว้าแชมป์ โดยมาก ร้อยละ 35.15 มีโอกาสค่อนข้างมาก, รองลงมาจำนวนร้อยละ 32.66 มีโอกาสมาก, ร้อยละ 17.06 ไม่แน่ใจ, ปริมาณร้อยละ 8.11 มีโอกาสน้อย, ปริมาณร้อยละ 5.39 มีโอกาสค่อนข้างน้อย และก็ปริมาณร้อยละ 1.63 ไม่มีโอกาสเลย , ทีมคู่แข่งขันที่น่ากลัว ร้อยละ 38.02 เวียดนาม, รองลงมา จำนวนร้อยละ 25.59 อินโดนีเซีย ร้อยละ 15.88, มาเลเซีย ปริมาณร้อยละ 12.10, สิงคโปร์ ปริมาณร้อยละ 4.83, เมียนมา และอื่นๆจำนวนร้อยละ 3.58

ด้านปัจจัยที่คาดว่า จะมีผลต่อความสำเร็จ ส่วนใหญ่ร้อยละ 31.21 สมรรถนะรวมทั้งความสามารถ ของนักกีฬา, รองลงมาปริมาณร้อยละ 26.87 ระยะเวลาในการเตรียมทีม, จำนวนร้อยละ 22.60 สมรรถนะของผู้ฝึกสอน ร้อยละ 11.49 ผู้จัดการทีมและก็ผู้สนับสนุนเบื้องหลัง จำนวนร้อยละ 6.10 แรงเชียร์จากแฟนกีฬา รวมทั้งอื่นๆร้อยละ 1.73

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัย เกษมบัณฑิต

เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจ จะเห็นได้ว่ากลุ่มตัวอย่างจำนวนมากต่างให้ความสนใจ ที่จะติดตามการแข่งขัน เนื่องจากฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์เป็น การแข่งขันแห่งศักดิ์ศรี ที่ทุกชาติต่างมุ่งหวังที่จะคว้าเหรียญทองทั้งสิ้น ประกอบกับการแข่งขันในครั้งที่แล้วทีมชาติไทยตกรอบแรกซีเกมส์ ในคราวนี้จึงทำให้แฟนกีฬาตื่นตัวที่จะติดตามเกมมากเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามถึงแม้”ฟุตบอลทีมชาติไทย” จะประสบกับปัญหาในการเตรียมทีม รวมทั้งขาดผู้เล่น ร่วมทีมหลายรายก็ตาม แต่แฟนกีฬายังมั่นใจว่าทีม “ช้างศึก” มีโอกาสรวมทั้งความหวังค่อนข้างมาก กับการที่จะคว้าแชมป์มาครองได้ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่แฟนบอลคาดหวัง ต่างมุ่งไปที่สมรรถนะหรือฝีเท้าของผู้เล่น และถ้าหากพิจารณา ถึงทีมคู่แข่งจะมองเห็นได้ทีมเวียดนามในฐานะเจ้าบ้านและก็แชมป์เก่า เป็นทีมที่น่ากลัว

“ถ้าพิจารณาในภาพรวม สำหรับการเข้าร่วม การแข่งขันของทีมชาติไทย ในรายการนี้ถ้าเกิดพิจารณาถึงเกียรติศักดิ์ เกียรติรวมทั้งศักดิ์ศรีของประเทศแล้วเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของผู้จัดการทีมคือ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ภายใต้การผนึกพลังร่วมกันของทุกฝ่ายเชื่อว่าทีม”ฟุตบอลทีมชาติไทย” คงจะคว้าแชมป์และก็สร้างความสุขให้กับแฟนกีฬา” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.รัฐพงศ์ กำหนด

อาเซียนคัพ

ไทย เฮเปิดหัว อาเซียนคัพ ธีรศิลป์โขก เพิ่มสถิติอีก ทุบบรูไน ยึดจ่าฝูงกลุ่มเอ

“มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กระแทกหนึ่งตุง เพิ่มสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาล รายการ อาเซียนคัพ เป็น 20 ประตู พาทีมชาติไทย กระหน่ำ บรูไน ขาด 5-0 แชมป์เก่าเก็บสามแต้มประเดิม พร้อมยึดจ่าฝูง กลุ่ม เอ ในศึก อาเซียน คัพ 2022

ฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2565

บรูไน 0-5 ทีมชาติไทย

ธีรศิลป์ แดงดา

การแข่งขันฟุตบอล อาเซียนคัพ 2022

ประจำวันอังคารที่ 20 ธ.ค.65 ที่สนามชีราส สเตเดี้ยม กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เวลา 20.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาไทย 19.30 น.) เป็นเกมนัดเปิดสนาม รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ คู่ระหว่าง ทีมชาติบรูไน ทีมอันดับ 190 ของโลก พบกับ ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 111 ของโลก

รายชื่อ ผู้ตัดสิน : เฉิน ซิน-ฉวน (ไต้หวัน), ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 : เฉิน เซียว-เอิน (ไต้หวัน), ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 : เหงียน จ่อง ห่าว (เวียดนาม), ผู้ตัดสินที่ 4 : โง ดุย ลัน (เวียดนาม)

เกมนี้ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทัพ “ช้างศึก” จัดชุดใหญ่เต็มอัตราศึก ลงสนาม ซึ่งเป็นชุดที่พึ่งจะกระหน่ำเอาชนะ เมียนมา 6-0 ในเกมเตรียมพร้อมที่ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา

เริ่มเกมเพียงแค่นาทีเดียว ไทย แทบได้ ประตูนำ อดิศักดิ์ ไกรษร หลุดเข้าไปในเขตโทษ ฝั่งซ้ายก่อนจะพยายามยิงเล่นทาง แต่ไปติดแนวรับบรูไน ช่วยเคลียบอลสกัดผ่านเสาสองออกหลังไปหวุดหวิด

นาที.4 ยังเป็นโอกาสของไทย อย่างสม่ำเสมอ ธีราทร บุญมาทัน บรรจงเปิดด้วยซ้าย จากริมเส้นฝั่งขวา อดิศักดิ์ ไกรษร ได้โหม่งเน้น ๆ แต่บอลดันไปเข้ามือ ไฮมี่ ไนยาริง ที่ล้มตัวตะปบเอาไว้ได้

มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา

นาที.19 ไทย ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ธีราทร บุญมาทัน ยกบอลข้ามแนวรับบรูไนให้กับ ธีรศิลป์ แดงดา ปาดเข้ากลางก่อนจะเป็น บดินทร์ ผาลา วิ่งมาแปบอลส่งเข้าสู่ก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที.34 บดินทร์ ผาลา เกือบเบิ้ล เม็ดสองของตัวเองในเกมนี้ หลังได้บอลบริเวณ กรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนโยกหลบกองหลังบรูไน และก็หักเข้าขวายิงเท้าข้างถนัด แต่บอลดันโค้งไม่พอ ไฮมี่ ไนยาริง พุ่งรับเอาไว้ได้

ช่วงท้าย ครึ่งแรก นาที.44 ไทย หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลโค้ง ๆ จากฝั่งซ้ายเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่จะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ขึ้นโขกเน้น ๆ ส่งบอลเข้าประตูไป และเป็นลูกที่ 20 ของเขาตลอดการลงเล่นในรายการนี้อีกด้วย

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาที.61 ไทย เกือบจะได้เม็ด 3 เมื่อธีราทร บุญมาทัน พาบอลตะลุย เลี้ยงขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดบอลโค้ง ๆ เข้ามาในเขตโทษ ธีรศิลป์ แดงดา ขึ้นชนโหม่งคนเดียวเตียนโล่ง ๆ แต่ดันโดนบางไปบอลถากเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที.64 “ช้างศึก” น่าได้ลูก 3 เมื่อ ธีราทร บุญมาทัน เปิดลูกเตะมุม ทางฝั่งขวาเข้ามาในเขตโทษ บอลเลยมาถึงแถวสองมาเข้าทาง พรรษา เหมวิบูลย์ ก้มโหม่งจ่อ ๆ แต่ดันไปตรงตัว ไฮมี่ ไนยาริง รับเอาไว้ได้

นาที.71 เอกนิษฐ์ ปัญญา เปิดบอลจากฝั่งขวา เข้าเขตโทษ แนวรับบรูไน เคลียสกัดไม่ดีบอลมาเข้าทางปืน ปรเมศย์ อาจวิไล พักบอลลงหนึ่งจังหวะ และก็ซัดเต็มข้อ บอลดันเฉียดฉิวเสาออกหลังไปนิดเดียว

นาที.88 ไทย ได้ประตูหนีเป็น 3-0 จากการทำเข้าประตูตนเองของ ยูรา ยูราโนส ก่อนที่ทีมชาติไทย จะมาได้ลูกจุดโทษ รวมทั้งเป็น พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ตัวสำรองยิงเข้าไปไม่หมาดให้ทีมหนี 4-0 รวมทั้งใน นาที.90+3 พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี จะมาเบิ้ลเม็ดสองของตนเองในเกมนี้ ยิงเพิ่มเป็น 5-0 กระทั่งจบเกม บรูไน เปิดบ้านแพ้ ไทย 0-5

สำหรับโปรแกรมถัดไป บรูไน จะลงเตะนัดที่ 2 บุกเยี่ยม ฟิลิปปินส์ ในวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค.65 ที่สนามริซาล เมโมเรียล สเตเดี้ยม เวลา 17.00 น. ส่วนกองทัพ “ช้างศึก” จะได้พัก 5 วันเต็ม ก่อนจะกลับ ไปเล่นในบ้านจัดการ ฟิลิปปินส์ ในวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.65 ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม เวลา 19.30 น.

อาเซียนคัพ ไทย

รายชื่อ ผู้เล่นของทั้งสองทีม

  • ทีมชาติบรูไน 
  1. ไฮมี่ ไนยาริง (ผู้รักษาประตู)
  2. ไคริล ซูไฮมี
  3. อาลินูร์ จูฟรี
  4. ยูรา ยูโนส
  5. ฮาเคเม ซาอิด (อาดี้ ซาอิด แทน น.70)
  6. นูรอิควาน ออตมาน
  7. เฮนดรา ไอดริส (วาฟี่ อามีนูดดิน แทน น.63)
  8. ฮาซิค กาซีฟูล (อัซวาน ซาเลห์ แทน น.63)
  9. นาจิบ ทาริฟ
  10. ฮามิซาน ซูเลมาน (ฮานิฟ ฮาภรรยาร์ แทน น.23)
  11. ราซิมี รัมล์ลี (อาซีซี อาลี ราห์มาน แทน น.69)
  • ทีมชาติไทย 
  1. กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก (ผู้รักษาประตู)
  2. พรรษา เหมวิบูลย์
  3. กฤษดา กาแมน
  4. ศุภนันท์ บุรีรัตน์
  5. ศศลักษณ์ ไหประโคน
  6. ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น (พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี แทน น.80)
  7. เอกนิษฐ์ ปัญญา (ชาญณรงค์ ประพรมศรีแก้ว แทน น.81)
  8. บดินทร์ ผาลา (เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แทน น.72)
  9. อดิศักดิ์ ไกรษร (ปรเมศย์ อาจวิไล แทน น.46)
  10. ธีรศิลป์ แดงดา (สุมัญญา ปุริสาย แทน น.72)

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ธีราทร บุญมาทัน (ทีมชาติไทย)

บอลโลก

ปธ.เป้ หวิดขโมยซีน,เมสซี่ ยิ่งใหญ่สมการ คอย! 5 ประเด็น อาร์เจนฯ เฉือนหวิว ประเทศฝรั่งเศส นัดชิง บอลโลก

ใครเขียนบทฉากจบ บอลโลก 2022 ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่บอกเลยว่าโรคจิตดีแท้ เนื่องจากว่า อาร์เจนติน่า ส่อแววคว้า แชมป์โลก ได้แบบปลอกกล้วยเห็น ๆ หลังโชว์ความเหนือชั้นนำหน้า ฝรั่งเศส ไปก่อนถึง 2-0 ใน 45 นาทีแรกของการ ฟาดแข้งนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.

แต่จนแล้ว จนรอด เกมกลับต้องล่วงเข้าสู่ ช่วงต่อเวลาพิเศษจากการสำแดงเดชของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ก่อนที่ฟ้าจะประทานโทรฟี้ ใบแสดงหลักฐานให้กับ ลิโอเนล เมสซี่ เหมือนที่แฟนบอลส่วนมาก เอาใจช่วยทำให้ยอดกองหน้าสมหวังก่อนอำลา

ส่อแววคว้า แชมป์โลก

การรับใช้ชาติอย่างสมบูรณ์แบบโดยทีม ฟ้าขาว เฉือนเอาชนะ แชมป์เก่า ลงได้จากการดวลลูกโทษตัดสิน

1.ชิรูด์ ยังอยู่ น้ำหอมได้สองตัวหลักคัมแบ็ค

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติ ประเทศฝรั่งเศส สามารถจัด 11 ตัวแรกลงป้องกันโทรฟี้ได้ตามที่เขาต้องการเหตุเพราะ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง สองขุนพลคู่ใจหายป่วยกลับมาลงบู๊เป็นตัวจริงได้

รวมแล้ว ทีมตราไก่ปรับโผสองราย แล้วก็ทำให้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ กับ ยุสซุฟ โฟฟาน่า ตกไปนั่งข้างสนามอย่างที่เคย

อย่างไรก็ดี โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่มีข่าวสารเจ็บเข่าขณะฝึกซ้อม รวมทั้งส่อหลุดโผตัวจริงยังลงสนามให้ เลส์ เบลอส์ ได้ตามปกติ

2.ฟ้าขาว เดิมพันกับ ดิ มาเรีย

นับเป็นเรื่องช็อกเล็ก ๆ ที่ ลิโอเนล สกาโลนี่ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติ อาร์เจนติน่า ส่ง อังเคล ดิ มาเรีย กลับมาเป็นตัวจริงอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งเป็นเกมแรกที่ปีกร่างบางได้ออกสตาร์ตนับตั้งแต่พ้นรอบแบ่งกลุ่ม

อย่างไรก็ดี ทีมฟ้าขาวสลับให้ มาร์กอส อคุนญ่า นั่งข้างสนามโดยส่ง นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงบู๊เป็นตัวจริงอันเป็นการปรับทีมเพียงแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมยำใหญ่ โครเอเชีย 3-0 ในรอบตัดเชือก

สำหรับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีข่าวลือว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงภายใต้ระบบแบ็คโฟร์ยังต้องนั่งเป็นตัวสำรอง

ฝรั่งเศษ

3.ร่วมสร้างสถิติก่อนฟาดฟัน

จากการเปิดเผยรายนามนักเตะของทั้งสองฝ่าย หมายความว่า อูโก้ โยริส นายทวารทีมชาติ ประเทศฝรั่งเศส กลายเป็นมือกาวคนแรกที่ลงเล่นในเกม ฟุตบอลโลก ถึงหลัก 20 นัด

ขณะเดียวกัน ลิโอเนล เมสซี่ ศูนย์หน้าทีมชาติ อาร์เจนติน่า ก็สร้างสถิติลงเล่นเกม บอลโลก มากที่สุดตลอดกาล 26 นัด แซงหน้า โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานทีมชาติ เยอรมัน สำเร็จสำเร็จ

26 ลิโอเนล เมสซี่

25 โลธาร์ มัทเธอุส

24 มิโรสลาฟ โคลเซ่

23 เปาโล มัลดินี่

22 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

อาร์เจนติน่า
4.ครึ่งแรกที่แสนห่างชั้น

อาจเป็นนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ที่ห่างชั้นกันมากที่สุด ก็ว่าได้เนื่องมาจาก อาร์เจนติน่า เช็คบิลไวนำไปก่อนถึง 2-0 ในครึ่งแรก และก็นำมาซึ่งการทำให้ ฝรั่งเศส ซึ่งมักมีผลงานดีถ้าหากขึ้นนำคู่แข่งก่อนแล้วจึงอาศัยเกม รับที่เหนียวแน่นคว้าผลสรุปเสมือนหลายเกมที่ผ่านมาจำต้องลำบากหนัก

แล้วก็จากที่ได้เห็นเป็นทีม ฟ้าขาว ที่สนุกอยู่ข้างเดียวกับการทำเกมรุกใส่ทีม เลส์ เบลอส์ จากสถิติการครองบอล ที่เหนือกว่า 59:41% แถมได้ส่องยิง 6 ครั้งซึ่งเป็นการส่งบอลเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ แชมป์เก่า ไม่ได้ง้าง ยิงเลยแม้แต่คราวเดียว

ด้วยเหตุดังกล่าวแล้ว จึงต้องยกนิ้วให้กับ สกาโลนี่ ที่เก็บ ดิ มาเรีย เอาไว้เป็นทีเด็ดอยู่นาน ก่อนปล่อยให้ปีกทีม ยูเวนตุส ลงไปปล่อยของใน เกมสำคัญ ทั้งทำให้ทีมได้ลูกโทษนำเร็ว แล้วก็ยิงเม็ดสองปิดเกมในครึ่งแรกได้สำเร็จจนทำเอา เดส์ชองส์ อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปลี่ยนสองตัวรุกลงบู๊ทันทีก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลงโดยมี มาร์คุส ตูราม กับ แรนดัล โคโล่ มูอานี่ ได้ลงเล่นแทน ชิรูด์ กับ อุสมาน เด็มเบเล่ ที่ทำให้ทีมเสียลูกโทษจนแผนการล่นต้องพังครืนตั้งแต่หัววัน

สำหรับ เมสซี่ ซึ่งกดลูกโทษไม่พลาดทำให้ตนเองเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ สอยตาข่ายได้ในเกม ฟุตบอลโลก ทัวร์นาเมนต์เดียวกันทั้งยังในรอบแบ่งกลุ่ม , รอบ 16 ทีม , รอบแปดทีม ,รอบตัดเชือก แล้วก็นัดชิงแชมป์ ทั้งยังนำเป็นดาวซัลโวสูงสูดของทัวร์นาเมนต์ 6 ประตูด้วย

ต่อประตูที่นำหน้า ฝรั่งเศส 1-0 นับเป็นการมี ส่วนร่วมกับประตูในศึก ฟุตบอลโลก ทุกสมัยมากที่สุดเหนือนักเตะทุกรายของ เมสซี่ เช่นเดียวกันรวม 20 ประตู ซึ่งแบ่งเป็นการยิงได้ 12 ประตู รวมทั้ง 8 แอสซิสต์ นับตั้งแต่มีระบบ จดบันทึกสถิติเมื่อปี 1966 ฯลฯมา

นอกเหนือจากนั้น ยังมีการเปิดเผยผลงานของกัปตัน อาร์เจนไตน์ ในครึ่งแรกออกมาเหมือนกัน

22 ผ่านบอล

34 สัมผัสบอล

1ประตู

1เข้าปะทะ

1สับไก

อาร์เจนติน่า เมสซี่

5.ปธ.เป้ คายพิษสง / อนาคต เดส์ชองส์?

เข้าครึ่งหลัง เกมยังเป็นของ อาร์เจนติน่า ดังเดิม ขาดก็แต่ประตูหนีห่าง ออกไปอีก และกว่าที่ทีมเมืองน้ำหอม จะมีโอกาสสับไกครั้งแรกก็ต้องรออยู่นานจนกระทั่งนาทีที่ 70 แต่ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดโด่งข้ามคานไม่มีลุ้น และก็ไม่ต้องที่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จะต้องออกแรงปัดป้อง

อย่างไรก็ดี นับจากนั้นมันเป็นเหมือนการจุดประกาย การนับหนึ่งให้ แชมป์เก่า เพียรพยายามหาโอกาสของตัวเองต่อไป รวมทั้งประสบความสำเร็จกระทั่งได้เมื่อ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ทำฟาวล์ มูอานี่ จนเสียลูกโทษ และเป็น เอ็มบัปเป้ ที่จัดการไม่พลาดให้ ประเทศฝรั่งเศส ไล่ตาม 2-1 โดยเป็นการยิงประตูใน ฟุตบอลโลก คราวนี้ 6 ประตูเท่ากับ เมสซี่

เท่านั้นไม่พอ อีกพักเดียว เมสซี่ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ทีมตราไก่ได้ประตูตีเสมอ 2-2 อย่างน่าช็อกเมื่อเสียการครองบอลให้กับ คิงส์ลีย์ โกมัน ก่อนที่ ตูราม จะจ่ายคืนให้ เอ็มบัปเป้ เอี้ยว ตัววอลเลย์เข้าประตูกระทั่งเอาสาวก ฟ้าขาว ตาค้าง รวมทั้งทำให้สตาร์ทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นำหน้าเป็นดาวซัลโว แต่คนเดียว 7 ประตูจาก 7 เกม

หลังใช้เวลาแค่ 97 วินาที สองประตู เอ็มบัปเป้ ก็เลยกลายเป็นนักฟุตบอลคนแรก ที่ซัดได้สองตุงในเกมชิงดำ ฟุตบอลโลก ต่อจากที่ โรนัลโด้ ทำได้ด้วยการพา บราซิล สยบ เยอรมัน 2-0 ในปี 2002

ถึงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า โมเมนตัมเปลี่ยนมาเป็นของทีมจาก ยุโรปเต็มตัวแล้ว แต่หลังครบ 90 นาที อาร์เจนติน่า ชิงนำอีกทีจากประตูของ เมสซี่ ซึ่งน่าจะเป็นประตูชัยของ อาร์เจนติน่า อย่างที่สุด

แต่ก่อนหมด ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่กี่อึดใจ เอ็มบัปเป้ ทำให้ ฝรั่งเศส ได้ลูกโทษ และเจ้าตัวจัดการไม่พลาดทำแฮททริคได้สำเร็จพร้อมเปลี่ยนสกอร์เป็น 3-3 นำเป็นดาวซัลโวอีกรอบ 8 ประตู

อย่างไรเสีย สุดท้ายแล้วเหมือนมีการเขียนสคริปต์ ให้มันเป็นนัดชิงชนะเลิศของ เมสซี่ เนื่องด้วยในช่วงดวลลูกโทษ ทีม ฟ้าขาว เอาชนะ ประเทศฝรั่งเศส ได้สำเร็จถึงแม้ เอ็มบัปเป้ จะยิงให้ทีม เลส์ เบลอส์ นำหน้าก่อนก็ตามซึ่งเป็นการบอกลาทีมชาติที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงสำหรับยอดกองหน้าละติน

ขณะเดียวกัน หลังประสบกับความพ่าย อนาคตของ เดส์ชองส์ จะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าลุ้นเหตุเพราะมีความเป็นไปได้สูง ที่เขาจะต้องก้าวลงจากตำแหน่งโดยที่ว่ากันว่า ซีเนดีน ซีดาน ตำนานอีกรายของทีมชาติ ฝรั่งเศส พร้อมขันอาสาจับบังเหียนทีมตราไก่หลังจากเขาเฝ้ารอโอกาสนี้มาระยะหนึ่งแล้ว

ปธ.เป้

สำหรับ เมสซี่ หลังคว้าแชมป์ บอลโลก ได้เสร็จสมอารมณ์หมายก็มีการเปิดเผยสถิติส่วนตัวของเขาในเกมสยบ ฝรั่งเศส ออกมาดังต่อไปนี้

85 สัมผัสบอล

2 ประตู

5 ง้างยิง/4เข้ากรอบ

1สร้างโอกาสครั้งสำคัญ

3 ผ่านบอลจังหวะเด็ดขาด

47/54 ความแม่นยำในการผ่านบอล

1 ประตูในการดวลลูกโทษ

ขณะเดียวกัน รวมแล้ว เมสซี่ สอยตาข่ายในรายการเมเจอร์ให้กับ อาร์เจนติน่า ไปทั้งสิ้น 26 ประตู แซงนำ โรนัลโด้ อดีตกองหน้าทีมชาติ บราซิล หนึ่งประตู (13 ประตูใน ฟุตบอลโลก และก็ 13 ประตูใน โกปา อเมริกา) เหนือกว่าพ่อค้าแข้งละตินทุกรายที่ผ่านการลงบู๊ในสองรายการใหญ่

ฟุตบอลโลก

ผู้รายงานข่าวสายกีฬา โด่งดังของสหรัฐฯ เสียชีวิตกลางการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ในกาตาร์

แกรนต์ วอห์ล วัย 48 ปี เสียชีวิตระหว่างการแข่งขัน ระหว่างเนเธอร์แลนด์แล้วก็อาร์เจนตินา 10 ธันวาคม 2022 นักข่าวสายกีฬามีชื่อเสียงจากสหรัฐฯ เสียชีวิตระหว่างติดตามทำข่าวสาร ฟุตบอลโลก 2022 ในกาตาร์

นักข่าวคนนี้ คือ แกรนต์ วอห์ล วัย 48 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า เขาล้มลงไป ในช่วงต่อเวลา ระหว่างการแข่งขัน ฟุตบอลโลก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างอาร์เจนตินาและก็เนเธอร์แลนด์ เมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.)

รายงานของสื่อก่อนหน้านี้ ระบุว่า เขาอาจมีอาการโรคหัวใจ แต่สาเหตุการณ์เสียชีวิตที่โดยความเป็นจริง ยังไม่แน่ชัด

เมื่อเดือนที่แล้ว นายวอห์ล ถูกทางการกาตาร์ควบคุมตัวไว้อยู่ห้วงเวลาหนึ่ง หลังเขาพยายามเข้าไปในสนามกีฬา โดยใส่เสื้อที่มีลายสีรุ้ง ซึ่งเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อสนับสนุนผู้มีความหลากหลายทางเพศ

สหพันธ์ฟุตบอลสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า ทางสหพันธ์รู้สึก “ใจสลาย” ต่อข่าวสาร การเสียชีวิตของนายวอห์ล

“แฟนบอล รวมทั้งผู้ชื่นชมสื่อสารมวลชน ที่มีคุณภาพสูงสุด จะทราบดีว่า พวกเขาเชื่อถือในการรายงานข่าวสาร ที่เจาะลึกรวมทั้งมีสีสันของแกรนต์ได้เสมอ เนื่องจากเขามีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับเกมการแข่งขัน มารายงานอยู่เสมอ” แถลงการณ์ กล่าว

นายวอห์ล เฉลิมฉลองวันเกิดอายุ 48 ปี เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ธ.ค.) กับผองเพื่อนในกาตาร์ แต่กลับกลายเป็นว่า วันต่อมาเขาก็ล้มลง รวมทั้งเสียชีวิต โดยก่อนหน้านั้น เขาเขียนบนเว็บไซต์ว่า เขารู้สึกไม่ค่อยสบายมาตลอด 10 วันที่ผ่านมา รวมทั้ง กำลังทานยาปฏิชีวนะ เนื่องจากสงสัยว่าเป็นโรคหลอดลมอักเสบ

“ร่างกายผมย่ำแย่” เขาเขียนเมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.) “จากที่ดูเสมือนป่วยหวัดในช่วง 10 วันที่ผ่านมา กลายเป็นโรคที่ร้ายแรงขึ้น ในคือที่สหรัฐฯ แข่งกับเนเธอร์แลนด์ ผมรู้สึกได้เลยว่า อกผมมีแรงดันสูง รวมทั้งรู้สึกไม่ดีเลย”

“ผมไม่ได้เป็นโควิด (ผมตรวจโควิดอยู่ตลอด) แต่ไปที่คลินิกแพทย์ รวมทั้งศูนย์ สื่อมวลชนในวันนี้ พวกเขากล่าวว่า ผมอาจเป็นโรคหลอดลมอักเสบ”

ประธานฟีฟา จีอันนี อินฟานติโน ระบุว่า ความลุ่มหลง ในฟุตบอลของนายวอห์ล “มีมหาศาล” รวมทั้งเชื่อถือว่า ประชาชนจะคิดถึงการรายงานข่าวสารของเขาเกี่ยวกับ ฟุตบอลโลกในคราวนี้

แกรนต์

สื่อมวลชนใน สหราชอาณาจักรหลายคน ได้แสดงการไว้อาลัยต่อการจากไปของนายวอห์ล รวมถึง เพียร์ส มอร์แกน นักแสดงมีชื่อเสียง ที่ระบุว่า นายวอห์ลเป็น “สื่อมวลชนชั้นเยี่ยม”

แดน โรอัน จากบีบีซีสปอร์ต ทวีตว่า “แกรนต์ วอห์ล เป็นสื่อมวลชนที่ได้รับการยอมรับ รวมทั้งเป็นที่เคารพ การที่สื่อมวลชน ร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของเขา สะท้อนถึงคุณค่าสื่อสารมวลชนที่เขายึดถือ”

ผู้ประกาศหน่วยงานของกาตาร์ ที่รับผิดชอบ จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ได้ออกแถลงการณ์ว่า “เราเสียใจอย่างซาบซึ้งต่อการเสียชีวิตของนักข่าวสหรัฐฯ แกรนต์ วอห์ล”

“ประชาชนต่างรับทราบ ถึงความหลงใหลในฟุตบอลของแกรนต์ รวมทั้งเขามากาตาร์ เพื่อติดตามทำข่าวสารฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 8 แล้ว”

“เขาไม่สบาย ขณะที่กำลังทำข่าวสารการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างอาร์เจนตินาแล้วก็เนเธอร์แลนด์… เขาได้รับการปฐมพยาบาลรีบด่วนในทันที ก่อนจะส่งเขาขึ้นรถพยาบาลไป รักษาที่โรงพยาบาลฮาหมัด เจเนรัล”

“ทางเราได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมั่นใจว่า จะดำเนินการส่งร่างของเขากลับไปสู่ครอบครัว”

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา โรนัลโด นักฟุตบอลระดับตำนานของบราซิล ได้มอบรางวัลให้นายวอห์ล สำหรับการติดตามทำข่าวสารฟุตบอลโลกต่อเนื่องมาแล้วถึง 8 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มทำข่าวสารบอลโลกครั้งแรกในสหรัฐฯ เมื่อปี 1994

ปธ.ฟีฟ่าเสียใจนักข่าวเสียชีวิตใน ฟุตบอลโลก น้องเชื่อมีเงื่อนงำ

ประธาน ฟีฟ่า ร่วมแสดงความเสียใจนักข่าวอเมริกัน เสียชีวิตในบอลโลก ขณะที่น้องชายเชื่อมีเงื่อนงำ รวมทั้งอาจถูกฆาตกรรม
จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ร่วมแสดงความเสียใจหลัง แกรนท์ วาห์ล นักข่าวคนอเมริกัน เสียชีวิตขณะที่กำลังทำหน้าที่ในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง อาร์เจนตินา กับ เนเธอร์แลนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา

อินฟานติโน่ แถลงว่า “ไม่อยากที่จะเชื่อรวมทั้งโศกเศร้าอย่างยิ่งหลังจากที่ผมได้รับทราบถึงการจากไปของ แกรนท์ วาห์ล นักข่าวกีฬามีชื่อเสียงขณะรายงานการแข่งขันรอบก่อนรองชนะฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์”

แกรนต์ วอห์ล

“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แกรนท์ เพิ่งได้รับการยอมรับจาก ฟีฟ่า รวมทั้ง เอไอพีเอส สำหรับผลงานของเขาในการรายงานข่าวสารฟุตบอลโลกแปดสมัยติดต่อกัน รวมทั้งในอาชีพของเขายังเข้าร่วมฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกหลายคราว รวมถึงการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติอื่น ๆ ”

“ความรักที่เขามีต่อฟุตบอลนั้นยิ่งใหญ่มาก รวมทั้งทุกคนที่ติดตามเกมระดับโลกจะคิดถึงการรายงานข่าวสารของเขา ในนามของ ฟีฟ่า รวมทั้งชุมชนฟุตบอล เราขอแสดงความเสียใจอย่างซาบซึ้งต่อ เซลีน เมียของเขา ครอบครัวของเขา รวมทั้งเพื่อนของเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดนี้” ประธาน ฟีฟ่า เปิดเผย

ก่อนหน้านี้ วาห์ล เคยสวมเสื้อสีรุ้ง เพื่อสนับสนุนกลุ่มแอลจีบีทีคิวพลัส นอกจากนั้นยังเคยรายงานข่าวสารวิจารณ์ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก กรณีมองดูข้ามการเสียชีวิต ของแรงงานระหว่างที่ทำการก่อสร้างสนามแข่งขันอีกด้วย

วาห์ล วัย 48 ปี เสียชีวิตหลังล้มลงไปอย่างไม่รู้สาเหตุ บริเวณที่นั่งของสื่อมวลชนข้างบนสุดของสนามขณะรายงานเกม อาร์เจนตินา เจอ เนเธอร์แลนด์ ทำให้นักข่าวคนอื่น ๆ ต่างตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ขณะที่ เอริค วาห์ล น้องชายของ แกรนท์ ได้โพสต์วิดีโอบนอินสตาแกรม โดยมั่นใจว่าการเสียชีวิตของพี่ชายมี เงื่อนงำ โดยอาจเป็นการฆาตกรรมหลังจากที่ทำการประท้วง จนเคยถูกขู่ฆ่ามาแล้ว

เอริค เปิดเผยว่า “ผมเป็นน้องชายของ แกรนท์ วาห์ล ผมเป็นเกย์ รวมทั้งผมเป็นเหตุผลให้เขาสวมเสื้อสีรุ้ง ในฟุตบอลโลก พี่ของผมมีร่างกายแข็งแรง เขาเคยบอกผมว่าเคยถูกขู่ฆ่า ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเพิ่งเสียชีวิต ผมมั่นใจว่าเขาถูกฆ่า รวมทั้งขอความช่วยเหลือด้วย”